4.7.53

รักษาอุโบสถศีล (ศีล 8) ในวันพระ อานิสงส์ใหญ่


อุโบสถศีล คือการรักษาศีล ๘ ข้อ วันอุโบสถหรือวันพระนั้น เป็นวันที่เราจะต้อง
อยู่เยี่ยงพระคือบำเพ็ญเนกขัมมะนั่นเอง ศีลแปดที่รักษากันในวันพระ เรียกว่า
อุโบสถศีล ผู้ครองเรือนทั่วไปไม่สะดวกถือศีล ๘ ได้ทุกวัน ก็จะหาโอกาสมา
ถือศีลกันเฉพาะวันพระเช่นนี้จึงเรียกว่ารักษาอุโบสถศีล


คำอาราธนานอุโบสถศีล (คนเดียว)
     

   อะหังภันเต ติสะระเณนะะสะหะ อัฎฐังคะสะมันนาคะตัง อุโปสะถังยาจามิ

   ทุติยัมปิ อะหังภันเต ติสะระเณนะะสะหะ อัฎฐังคะสะมันนาคะตัง อุโปสะถังยาจามิ

   ตะติยัมปิ อะหังภันเต ติสะระเณนะะสะหะ อัฎฐังคะสะมันนาคะตัง อุโปสะถังยาจามิ



ข้าพเจ้าขอสมาทานอุโบสถศีล อันประกอบด้วยองค์ 8 ประการ ที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติไว้ 
จะถือไว้มิให้เสื่อมมิให้ทำลาย สิ้นวันหนึ่งกับคืนหนึ่ง ณ เวลานี้ 


     จะต้องรักษา นับจากที่เราสมาทาน ไปจนถึงรุ่งเช้าของวันใหม่ ที่มีแสงสว่างของธรรมชาติ
จนสามารถมองเห็นลายมือของตนเองได้  ก็จะหมดไปโดยอัตโนมัติ



       ศีลอุโบสถนั้น มีองค์ประกอบทั้งหมด ๘ ข้อ
ถ้าขาดไปข้อใดข้อหนึ่ง ก็ไม่เรียกว่าศีลอุโบสถ
ตาม พุทธบัญญัติเพราะฉะนั้นการล่วงศีลอุโบสถเพียงข้อใดข้อเดียว
ก็ถือว่าขาดศีลอุโบสถ พูดง่ายๆ ว่า ขาดศีลข้อเดียวก็ขาดศีลอุโบสถ
ผู้ที่รักษาอุโบสถศีลจึงต้องสำรวมระวัง เป็นพิเศษ
ใหม่ๆ อาจจะทำยาก แต่ถ้าได้ผ่านซัก 2 เดือนไปแล้วก็จะเคยชินเองครับ
คนที่ปฏิบัติใหม่จะมีปัญหา เรื่องการอดอาหารหลังเที่ยง
 ผมแนะนำให้ทานซัก 11 โมง เอาให้เต็มที่เลย  ตกเย็นถ้าหิวให้หาน้ำอัดลม
ชนิดน้ำตาลน้อยมาทาน ถ้าเป็นขวดเล็กจะมีลมมากทานแล้วรู้สึกอิ่ม
แต่ถ้าเป็นขวดใหญ่ 1.25 ลิตร ขึ้นไป ไม่ค่อยมีลมครับ ไม่ค่อยอยู่
โอวัลติน โกโก้ นมถั่วเหลือง หรือ น้ำเต้าหู้ ทานไม่ได้นะครับถือว่าเป็นอาหาร





อุโบสถศีลประกอบด้วยองค์ ๘ มีดังนี้ คือ

๑. ปาณาติปาตา เวระมะณี
     งดเว้นจากการทำชีวิตสัตว์ให้ตกล่วงไป งดเว้นจากการเบียดเบียนสัตว์

๒. อทินนาทานา เวระมะณี งดเว้นจากการถือเอาของที่เจ้าของมิได้ให้

๓. อพรหมจริยา เวระมะณี
    งดเว้นจากกรรมอันเป็นข้าศึกต่อการประพฤติผิดพรหมจรรย์ (การร่วมประเวณี
    รวมถึงการทำ Master Bed)

๔. มุสาวาทา เวระมะณี
    งดเว้นจากการกล่าวเท็จ รวมถึงวจีกรรมในรูปแบบต่างๆ คือ เว้นการพูดส่อเสียด นินทาว่าร้าย

๕. สุราเมรยะมัชชะปะมาทัฏฐานา เวระมะณี
    งดเว้น จากการดื่มสุราและเมรัย อันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท

๖. วิกาละโภชนา เวระมะณี
   งดเว้นจากการบริโภค อาหารในเวลาวิกาล คือหลังเที่ยงวันเป็นต้นไป

๗. นัจจะคีตะวาทิตะวิสูกะทัสสะนา มาลาคันธะวิเลปะนะ-ธาระณะมัณฑะนะวิภูสะนัฏฐานา เวระมะณี
    งดเว้นจากการฟ้อน รำ ขับร้อง ประโคมดนตรี และดูการละเล่นอันเป็นข้าศึกต่อกุศล
    ลูบทาทัดทรงประดับตกแต่งร่างกายด้วยพวงดอกไม้ ของหอม เครื่องย้อม
    เครื่องทาอันจัดว่าเป็นการ แต่งตัว
     สำหรับคนที่ต้องออกไปทำงานจำเป็นต้องแต่งหน้าแต่งตัว ขอให้แต่งให้ครบเต็มที่
 แล้วค่อยสมาทานศีลแต่งก่อนสมาทานไม่ผิดครับ 
แต่หลังจากสมาทานแล้วห้ามเติมเด็ดขาด มันจะด่างจะวอก ก็ต้องยอมนะครับ

๘. อุจจาสะยะนะมหาสะยะนา เวระมะณี งดเว้นจากการนั่ง และการนอนบนที่นอนสูงใหญ่
   อันยัดด้วยนุ่นและสำลี (สูงใหญ่ หมายถึง เมื่อนั่งแล้วหย่อนขาลงไม่ถึงพื้น)
     
 เป้าหมายหลักในการรักษาอุโบสถศีลนั้นก็ เพื่อทำให้จิตใจสงบ
ไม่กวัดแกว่งฟุ้งซ่านไปในเรื่องกามารมณ์ แต่ยึดเอาพระนิพพานเป็นอารมณ์
ถือ เป็นการประพฤติพรหมจรรย์ของคฤหัสถ์ผู้ที่ยังไม่ปรารถนาออกบวช
โดยปกติวันพระ พุทธศาสนิกชน ที่สะดวกก็จะพากันแต่งชุดขาวไปสมาทานอุโบสถศีล
และฟังธรรมที่วัด แล้วพักอาศัยอยู่ที่วัด จนกว่าจะครบกำหนด
ถ้าไม่ได้ไปวัด ก็จะตั้งใจสมาทานศีล ด้วยตนเองที่บ้าน


        พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ตรัส อุปมาถึงอานิสงส์ ของการรักษาอุโบสถศีลไว้ว่า
 ถ้าจะนำมาเปรียบกับสมบัติของพระราชา ที่แม้จะครองความเป็นใหญ่ถึง ๑๖ แคว้น 
 ก็ยังไม่ถึงเสี้ยวของผลบุญอันเกิดจากการ รักษาอุโบสถเลย

เพราะสมบัติมนุษย์เป็นสมบัติ หยาบเหมือนสมบัติของคนกำพร้า
มีความสุขได้ไม่กี่ร้อยปีก็ต้องพลัดพราก นั่นคืออยู่บนโลกมนุษย์ไม่กี่ปีก็ตาย
ซึ่งเทียบไม่ได้กับการได้เสวยทิพยสมบัติอันยาวนานในสวรรค์
ที่เกิดจากอานิสงส์ของการรักษาอุโบสถ

         การรักษาอุโบสถศีลนี้ แม้ว่าจะมีโอกาสรักษาได้ไม่นาน แต่กลับสามารถส่งผล
ให้มีอานิสงส์มากมายเกินควรเกินคาดได้ 

         ประสบการณ์ตรงของผม หลังจากที่ผมได้ฟังธรรมมะ และผมท้าพิสูจน์ด้วยการ
ปฏิบัติ  ที่บอกว่า ศาสนาพุทธถ้าปฏิบัติดีปฏิบัติชอบแล้ว สามารถทำให้ชีวิตที่ตกต่ำ
ดีีขึ้นได้ภายใน 1-2 ปี เพียงแค่ รักษาศีลห้า ในวันธรรมดา และรักษาอุโบสถศีล
ในวันพระ ควบกับการปฏิบัติกรรมฐาน  เพราะผู้รักษาศีลย่อมนำมาซึ่งความสุข
ย่อมนำมาซึ่งโภคทรัพย์ ทั้งมนุษย์สมบัติ(ทรัพย์สินเงินทอง) และเทวดาสมบัติ
(ได้เสพสุขในภพหน้า) และศีลนำไปสู่เส้นทางนิพพาน ผู้ที่ปรารถนาความเจริญ
ให้หมั่นรักษาศีลอยู่เป็นเนืองนิจ  และรู้จักวิธีทำบุญอย่างถูกต้อง ซึ่งผมจะกล่าวถึงในครั้งต่อไป

         ผมปฏิบัติมาได้ 3 ปี เศษ ชีวิตจากเป็นหนี้ไม่มีทางออกทำอะไรก็เจ๊ง มีเงินติดบ้านไม่กี่ร้อยบาท
ปัจจุบัน  ผมมีเงินเก็บ อยากกินอะไรกิน  อยากซื้ออะไรที่ไม่ใช่ของฟุ่มเฟือยซื้อโดยไม่ต้องดูราคา
อยากพาครอบครัวไปเที่ยวก็ไปโดยไม่วิตกกังวลกับราคาน้ำมันใช้ชีวิตแบบไม่อดอยาก 
การปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอต่อเนื่องกลับทำให้ทรัพย์สินพอกพูนทวียิ่งขึ้น เห็นช่องทางทำเงินไม่มีที่สิ้นสุด

         ถ้าฝรั่งเขาเรียกว่าใช้ The Secret ดึงดูดสิ่งที่ดีๆ สิ่งทีประเสริฐเข้ามาหาตัวเรา


ดังเรื่องที่เกิดขึ้นมาแล้ว ในสมัยพุทธกาล เรื่องมีอยู่ว่า






        ในอดีตกาล มีเศรษฐีท่านหนึ่งแห่งนครพาราณสี ชื่อว่า สุจิบริวาร
ท่านเป็นผู้ที่มีความชื่นชมยินดีในการทำบุญ ทั้งยังชักชวน บุตร
ภรรยา และพวกพ้องบริวารทั้งหลายให้รักษาศีล ๕ เป็นปกติ 
ครั้นถึงวันพระ ก็จะชักชวนให้รักษาอุโบสถศีล
ครั้งนั้น มีชายยากจนคนหนึ่ง ได้ไปขอรับจ้างทำงานในบ้านของเศรษฐี 
ซึ่งตามปกติแล้วท่านเศรษฐีจะให้ลูกจ้างทุกคน ทำสัญญาตั้งแต่วันแรกที่เข้าทำงาน
ว่าจะรักษาศีล แต่สำหรับชายยากจนผู้นี้ ท่านเศรษฐีเพียงแต่กล่าวว่า
" เจ้าจงทำงานตามค่าจ้างของตนเถิด " โดยมิได้ให้ทำสัญญาเกี่ยวกับการรักษาศีลเลย

วันหนึ่งท่านเศรษฐีได้สั่งหญิงรับใช้ว่า " วันนี้เป็นวันอุโบสถ เธอจงจัดอาหารให้คนงาน
ในบ้านเราแต่เช้าตรู่ เมื่อเขาบริโภคอาหารกันแต่เช้า จะได้สมาทานรักษาอุโบสถศีล "
หญิงรับใช้ก็ได้ไปปฎิบัติตามคำสั่ง เมื่อคนในบ้านบริโภคอาหารเช้าแล้วได้อยู่รักษาอุโบสถศีล
ในที่พักของตนเอง ยกเว้นแต่ชายยากจนนั้นได้ออกไปทำงานแต่เช้า และไม่ทราบเรื่องวันอุโบสถ
เลย เขาทำงานตลอดทั้งวัน จนกระทั่งบ่ายจึงกลับมา เมื่อหญิงรับใช้นำอาหารมาให้ เขา
ก็ถามด้วยความแปลกใจว่า " วันนี้ ผู้คนหายไปไหนกันหมด ทำไมไม่มีเสียงเอ็ดอึงเช่นเคย "
หญิงรับใช้ตอบว่า "วันนี้วันพระ  เขาพากันรักษาอุโบสถศีลอยู่ในที่พักของตนกันหมด "
ชายผู้นั้นจึงรำพันว่า " ทุกๆ คนเขาเป็นผู้มีศีล หากตัวเราไม่มีศีล ย่อมไม่สมควรเลย "
เขาจึงไม่บริโภคอาหาร แต่เข้าไปถามท่านเศรษฐีว่า " นายครับ ผมจะอธิษฐานวันอุโบสถ
ในเวลานี้ได้ไหม จะถือว่าเป็นอุโบสถกรรมหรือไม่ครับ "
ท่านเศรษฐีตอบว่า " เจ้าไม่ได้อธิษฐานไว้ตั้งแต่ตอนเช้า จึงไม่นับว่าเป็นอุโบสถกรรมที่ครบ
ทั้งหมด แต่ก็ยังถือว่าเป็นอุโบสถกรรมครึ่งหนึ่ง "
ชายยากจนจึงตอบว่า " เพียงเท่านี้ก็ได้ครับ "......เขาได้สมาทานศีล อธิษฐานอุโบสถ 
แล้วไปยังที่พักนอนรำพึงถึงศีลของตน




ครั้นเวลาล่วงมาถึงกลางดึกคืนนั้น ชายยากจนผู้ไม่ได้บริโภคอาหารเลยตลอดทั้งวัน ก็มี
อาการไม่สบาย เกิดลมขึ้นในท้อง แม้ท่านเศรษฐีจะนำเอาเภสัช ๕ ต่างๆ มาให้กินเขากลับตอบว่า
" ผมจะไม่ทำลายอุโบสถศีลของผม ผมสมาทานอุโบสถศีล โดยเอาชีวิตเป็นเดิมพัน "
ในที่สุด เมื่อความเจ็บปวดรุนแรงขึ้น ชายผู้นั้นก็ไม่อาจครองสติได้ คนทั้งหลายเห็นว่า เขา
คงจะถึงแก่ความตายเป็นแน่ จึงนำตัวเขาออกมานอนนอกระเบียง
ขณะนั้นเอง พระเจ้ากรุงพาราณสี ทรงทำประทักษิณพระนคร เสด็จผ่านมา ชายยากจนได้
เห็นพระราชา ก็เกิดความปรารถนาอยากจะได้ราชสมบัติเช่นนั้นบ้าง จากนั้นเขาก็สิ้นใจตาย

ด้วยผลจากการรักษาอุโบสถศีลเพียงครึ่งเดียวนั้น ทำให้เขาได้ไปเกิดในครรภ์ของพระอัครมเหสี
แห่งพระเจ้ากรุงพาราณสี เมื่อครบ ๑๐ เดือน ก็ประสูติ และได้รับการขนานพระนามว่า อุทัยกุมาร
เมื่อทรงเจริญวัยขึ้น ทรงศึกษาสำเร็จศิลปะทุกประการ และมีพระญาณระลึกชาติได้ พระองค์มัก
จะทรงรำพึงถึงเหตุการณ์ในชาติก่อน แล้วเปล่งอุทานว่า

" นี่คือผลแห่งกรรมเพียงเล็กน้อยของเรา "





อยากได้ต้องปฏิบัติเอาเอง ถ้าไม่เชื่อ มีทางเดียว ต้องพิสูจน์





2 ความคิดเห็น:

  1. อนุโมทนาค่ะ เขียนได้ดีมากๆเลยค่ะ ตอบทุกคำถามที่สงสัย และมีแนวทางเลี่ยงให้ไม่พร่องด้วย ขอเป็นกำลังใจให้เขียนบทความดีดีเช่นนี้ต่อไปค่ะ

    ตอบลบ
  2. ไม่ระบุชื่อ11 ตุลาคม 2554 เวลา 19:25

    ผมก้อได้ปฎิบัติมาเเล้วได้ผลเกินคาด...ถูกรางวัลที่ 1 สิบใบยังสู้อนิสงค์ที่ได้จากการรักษาศีล8ติดต่อกันทุกวันพระเป็นเวลา1ปีไม่ได้

    ตอบลบ