25.7.53

ไม่อยากตกนรกต้องมาทางนี้



พระพุทธเจ้าทรงตรัสกับพระอานนท์



ดูก่อนอานนท์...


ถ้าอยากได้สุขอันใดก็ควรรู้จักสุขอันนั้นก่อน จึงจะได้ เมื่ออยากได้สุขในพระนิพพาน
 ก็ควรรู้จักสุขในพระนิพพาน  อยากได้สุขในมนุษย์แลสวรรค์ ก็ให้รู้จักสุขในมนุษย์แล
สวรรค์นั้นเสียก่อน จึงจะได้
ถ้าไม่รู้จักสุขอันใด ก็ไม่อาจยังความสุขอันนั้นให้เกิดขึ้นได้ ไม่เหมือนทุกข์ในนรก อันทุกข์ในนรกนั้นจะรู้ก็ตาม ไม่รู้ก็ตาม ถ้าทำกรรมที่เป็นบาปแล้ว ผู้ที่รู้ หรือผู้ที่ไม่รู้ก็ตกนรกเหมือนกัน

ถ้าไม่รู้จักนรก ก็ยิ่งไม่มีเวลาที่จะพ้นจากนรกได้
ถึงจะทำบุญให้ทานสักปานใด ก็ไม่อาจจะพ้นจากนรกได้
แต่มิใช่ว่าทำบุญให้ทาน มิได้บุญ 
ความสุขที่แต่การทำบุญนั้นมีอยู่ แต่ว่าเป็นความสุขที่ยังไม่พ้นจากทุกข์ในนรก
เมื่อยังไม่รู้ ไม่เห็นนรกตราบใด ก็ยังไม่พ้นจากนรกอยู่ตราบนั้น

ครั้นได้เข้าถึงนรกแล้ว เมื่อได้รู้ทางออกจากนรกได้แล้ว ปรารถนาจักพ้นจากนรกก็พ้นได้ เมื่อไม่อยากพ้นก็ไม่อาจพ้นได้ ต้องรู้จัก แจ้งชัดว่า นรกอยู่ในที่นั้น ๆ มีลักษณะอาการอย่างนั้น ๆ และควรจะรู้จักทางออกจากนรกให้แจ้งชัด

ทางออกจากนรกนั้นคือ ศีลห้า ศีลสิบ ศีลพระปาฏิโมกข์นั้นเอง
เมื่อรู้แล้วอยากจะออกให้พ้นก็ออกได้ ไม่อยากจะออกให้พ้นก็พ้นไม่ได้
ผู้ที่รู้กับผู้ที่ไม่รู้  ย่อมได้รับทุกข์ในนรกเหมือนกัน
ส่วนความสุขในมนุษย์ แลสวรรค์ แลพระนิพพานนั้น ต้องรู้จักจึงจะได้
ถ้าไม่รู้ ไม่เข้าใจ ไม่ได้เลย มีอาการต่างกันดังนี้...


ดูก่อนอานนท์...


มื่ออเยากรู้จักนรก แลสวรรค์ แลพระนิพพาน ก็ควรให้รู้เสียในเวลาก่อนที่ยังมีชีวิตอยู่
เมื่ออยากพ้นทุกข์ในนรก ก็รีบออกให้พ้นเสียตั้งแต่ยังไม่ตาย เมื่ออยากได้สุขในมนุษย์
หรือในสวรรค์ หรือในนิพพาน ก็รีบขวนขวายหาความสุขเหล่านั้นไว้แต่เมื่อยังไม่ตาย
จะถือว่าตายแล้วจึงจะพ้นทุกข์ในนรก ตายแล้วจึงจะไปสวรรค์ ไปพระนิพพานดั่งนี้ 
เป็นอันใช้ไม่ได้ เสียประโยชน์เปล่า

อย่าเข้าใจว่าเมื่อมีชีวิตอยู่สุขอย่างหนึ่ง เมื่อตายไปแล้วมีสุขอีกอย่างหนึ่ง
เช่นนี้เป็นความที่เข้าใจผิดโดยแท้ เพราะจิตมีดวงเดียว เมื่อมีชีวิตอยู่ก็จิตดวงนี้
เมื่อตายไปแล้วก็จิตดวงเดียวกันนี้...

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น